ทันหุ้น – บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 13.2 บาท (อิง PE เดิม 18 เท่า) ไม่รวมกัญชง โดยประเมินกำไรปกติปี 2565 กลับมาโต 19.3% Y-Y จากที่คาดกำไรปกติปี 2564 -7.4% Y-Y ส่วนกำไรสุทธิ 2564 จะลดลงมากถึง -25.7% Y-Y เพราะมีการตั้งสำรอง 2 ธุรกิจที่หยุดดำเนินงาน ทั้งนี้ยังไม่รวมกัญชงในประมาณการปี 2565 เพราะบริษัทยังไม่เปิดเผยแผนหรือเป้าหมาย และอยู่ระหว่างประเมินผลทดลองปลูกสำหรับเฟสแรกที่บริษัทเพิ่งได้รับเมล็ดพันธุ์นาเข้า และ Contract Farming ได้ใบอนุญาตปลูกแล้วราว 10 ไร่ เตรียมปลูกภายในต้นเดือน ต.ค.64 เบื้องต้นหากมีรายได้กัญชง 100 ลบ. จะมีราคาเป้าหมายส่วนเพิ่ม 1 บาท/หุ้น และหากอิงราคาใช้สิทธิ DOD-W2 ที่สูงราว 18 บาท นั่นหมายถึงต้องมีรายได้กัญชงราว 400 ลบ.ต่อปี หรือ 26% ของรายได้รวม จึงยังมองกัญชงเป็น Upside และแนะนำเก็งกำไร DOD
อัพเดทความคืบหน้ากัญชงของ DOD ปัจจุบันบริษัทยังคงได้รับใบอนุญาต 2 ฉบับได้แก่ การนำเข้าเมล็ดพันธุ์ และโรงหีบน้ำมันเมล็ดกัญชง ล่าสุดเริ่มมีความคืบหน้าในส่วนของธุรกิจกัญชง ดังนี้ 1. ได้รับเมล็ดพันธุ์นาเข้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งเมล็ดสำหรับปลูกเพื่อเอาน้ำมัน และ CBD 2. มีเกษตรกรที่เป็น Contract Farming ได้รับอนุญาตปลูกเฟสแรกแล้วราว 10 ไร่ ถือเป็นแปลงทดลองแรกของบริษัท และเตรียมลงปลูกในช่วงต้นเดือน ต.ค.21 คาดจะได้ผลผลิตอย่างเร็วคือ ปลายเดือน ธ.ค.64- ม.ค.65 ข้อดีคือเป็นการปลูกในโรงเรือน (Greenhouse) มีความเสี่ยงต่อสภาพอากาศผันผวนต่ำกว่าการปลูกแบบกลางแจ้ง และ 3. อยู่ระหว่างเตรียมติดตั้งเครื่องสกัดตัวที่ 2 สำหรับสกัดช่อดอกเพื่อให้ได้ CBD บนโรงงานใหม่ที่ตั้งอยู่ใกล้โรงงานเดิม (เป็นการเช่า และปรับปรุงอาคารเรียบร้อยแล้ว) คาดจะยื่นขออนุญาตสกัด CBD ได้อย่างเร็วในเดือน ต.ค-พ.ย.64 เพื่อให้ทันกับผลผลิตล็อตแรกที่จะทยอยออกมา
คาด Q3/64 พลิกมีกำไรสุทธิจากที่ขาดทุนเพราะการตั้งสำรองใน Q2/64 ในช่วง 2H64 ผลการดำเนินงานจะมาจากธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารเสริมเป็นหลัก โดยมีลูกค้ารายใหญ่ 1 รายสัดส่วนมากถึง 72% ของรายได้ทั้งหมด คาดกำไรปกติ Q3/64 อยู่ที่ 51 ลบ. 42% Q-Q, -26% Y-Y) จากผลกระทบของ COVID-19 ในส่วนของกำไรสุทธิ คาดอาจมีรับรู้ค่าใช้จ่าย One Time จากการหยุดดำเนินงานธุรกิจขายตรง และผลิตเครื่องสำอางอีกเล็กน้อย แต่น่าจะพลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ -58 ลบ.ใน Q2/64 ทั้งนี้คาดกำไรปกติปี 2564 จะอยู่ที่ราว 250 ลบ. 7.4% Y-Y) ส่วนกำไรสุทธิที่รวมรายการพิเศษคาดลดลงอยู่ที่ 105 ลบ. 25.7% Y-Y)
ฝ่ายวิจัยปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 13.2 บาท โดยให้กัญชงเป็น Upside คาดกำไรปกติปี 2565 จะเติบโตราว 19.3% Y-Y เป็น 299 ลบ. ยังไม่รวมกัญชง และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 13.2 บาท (อิง PE เดิม 18 เท่า) โดยกาหนดว่าไม่มีการใช้สิทธิแปลง DOD-W2 เพราะมีราคาใช้สิทธิสูงถึง 18 บาท/หุ้น (รายละเอียด W2 ดูหน้า 3) ทั้งนี้บริษัทยังไม่เปิดเผยแผนหรือเป้าหมายกัญชงอย่างชัดเจน โดยอยู่ระหว่างประเมินผลสำหรับการทดลองปลูกล็อตแรกก่อน จากการทำ Sensitivity ของฝ่ายวิจัยพบว่า บนการปลูก 10 ไร่ คาดจะมีรายได้ต่อ 1 Crop ราว 15-20 ลบ. หากกำหนดให้ปี 2565 มีรายได้กัญชงราว 100 ลบ. จะมีราคาเป้าหมายส่วนเพิ่ม 1 บาท/หุ้น หากอิงราคาใช้สิทธิ W2 ที่ 18 บาท นั่นหมายถึงต้องมีรายได้กัญชงราว 400 ลบ. คิดเป็น 26% ของรายได้รวมปี 2565 หรืออย่างน้อยปี 2566